
1. คุณเป็นฝ่ายได้รับหน้าที่ให้วางแพลนทุกอย่ าง
ถึงแม้ว่าในความสัมพันธ์จริงๆ แล้วเนีย ก็มีคุณกับเขาสองคนอยู่ในนั้น แต่ว่าคุณกลับรู้สึกได้ลึกๆว่า ทำไมเหมือนจะมีแค่คุณที่ต้องเป็นฝ่ายที่จัดหาอะไรตลอดเวลา
มีแต่คุณฝ่ายเดียวที่กระตือรือร้นที่จะทำอะไรสักอย่ างให้ความสัมพันธ์กระชับมากขึ้น เป็นคุณตลอดที่คิดว่าเดทนี้จะไปไหนดีทำอะไรดี จะจัดตารางเจอกันยังไงดี แถมเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากหากคุณจะตัดสินใจยังไง เลือกอย่ างที่คุณชอบ จัดการวางแผนอย่ างที่คุณต้องการได้ตามใจเลย
2. คุณเป็นที่พึ่งให้เขาได้เสมอ แต่เขาไม่ใช่
คุณมีเวลาให้กับเขาเสมอ เวลาที่เขาต้องการคุณเขาก็จะเจอคุณในเวลาที่เขาต้องการได้เสมอและคุณก็พร้อมเป็นที่พึ่งให้ตลอดเวลา แต่เวลาทีคุณต้องการเขา กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ( หลอกกันชัดๆ )
3. คุณอึดอัดที่จะเปิดใจกับเขา
คนเราเวลาคบกัน มันจะต้องมีความรู้สึกไว้ใจ สบายใจเมื่อได้อยู่ด้วยกันสนิทใจที่จะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ตัวเองไม่สบายใจ หรือความลับอะไรที่อย ากบอกกับใครสักคน
เพื่อที่จะได้รู้สึกได้รับการปลดปล่อย และรู้สึกว่าตัวเองมีที่พึ่งได้รับการปกป้องจากใครสักคนอยู่เสมอ แต่หากความสัมพันธ์ของคุณ ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกวางใจที่จะบอกเขาได้ทุกเรือง
หรืออย ากบอกก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะอย ากฟังมั้ย บอกได้มั้ย เอาง่ายๆ คือ ไม่สามารถมั่นใจกับเขาได้เลยรู้สึกเหมือนคนไม่สนิทอะไรยังงั้น มันก็แปลว่าเขายังให้ความสำคัญกับคุณไม่พอที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ไม่ใช่แล้วล่ะ
4. เขาอย ากทำอย่ างอื่นมากกว่า ที่จะใช้เวลาร่วมกับคุณ
มันก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่า ถึงแม้จะคบกันอยู่ แต่ก็คงไม่สามารถไปทำตัวติดกันได้ตลอดเวลาหรอกใช่มั้ยล่ะ แต่คนที่คบกันอยู่จริงๆ รักกันจริงๆ เนี่ย ยังไงก็ต้องหาเวลาที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้เจอกัน
ไม่ว่าจะเป็นตัวจริง หรือออนไลน์ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าสาวๆ ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน มันเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว ที่จะอย ากใกล้ชิด หรือกระชับความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก และหากว่าเขาเลือกที่จะไปทำอย่ างอื่นและคิดว่ามีสิ่งอื่นที่น่าสนใจมากกว่าได้ใช้เวลาร่วมกับคุณล่ะก็ คงจะมีบางอย่ างแปลกๆ แล้วแหละ
5. คุณต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อนตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ทุกคนก็ต้องมีวันที่แย่ๆ มีเรื่องไม่ดีให้หนักใจ ให้อารมณ์เสียกันเป็นครั้งเป็นคราวอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติและบางทีเราอาจจะแสดงออกให้คนรักเห็นแบบไม่ตัว ก็ไม่แปลกเท่าไหร่หากเป็นคนที่รักกัน
เขาคงปล่อยให้คุณได้แสดงความรู้สึกลึกๆ ออกมาบ้าง และจะปลอบใจ หรือจะปรามกันดีๆ ยังไงก็ว่ากันอีกทีแต่ถ้าหากไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกแย่ แต่ไม่ได้รับอนุญาติให้รู้สึกโกรธ งอน เหวี่ยงเป็นครั้งคราว
กับเขาได้ล่ะก็ ไม่ต้องบอกเลยว่าคุณจะรู้สึกแย่ขนาดไหน หากเผลอไปทำใส่เขาล่ะก็คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด และยอมขอโทษเองดีกว่าแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าคนรักกันเขาไม่ปล่อยให้คุณคิดแบบนี้หรอกนะ
6. แค่อย ากขอให้เขาคุยกับคุณ ก็เป็นเรื่องที่ย ากเกินไปแล้ว
มันก็ใช่ว่าเราจะไปตามจิก ตามคุยกับเขาตลอดทั้งวันหรอกนะ แต่ในทุกๆวันที่เรามีกิจก ร ร มส่วนตัวต้องทำ ไม่ว่าจะเป็น เรียน ทำงาน ทำธุระ คุณก็สามารถหาเวลาว่างสักนิดนึง เพื่อมาคุยกับเขาได้
ไม่ว่าจะเป็นการแชท หรือโทรไปคุยกันสั้นๆ คุณก็ทำได้ นั่นเป็นเพราะว่าคุณอย ากคุยกับเขาไงแต่ในทางกลับกัน แค่จะอ่ า นแชทของเรา ตอบแชทเรา
หรือโทรกลับมาบ้าง ก็ดูจะเป็นเรื่องย ากสำหรับเขาเหลือเกินไม่อ่ า น ไม่ตอบ ไม่แบ่งเวลาอันน้อยนิดมาให้เลย แบบนี้จะให้คิดยังไงได้นอกจากว่าเขาไม่ได้อย ากคุยกับเราบ้างเลยอ่ะ
7. แค่อย ากจะชวนเขาไปเที่ยว ก็ยังต้องคิดเป็นล้านรอบ!
มีหนังเรื่องหนึ่งที่คุณอย ากดูมากๆ เลย หรือคอนเสิร์ตที่คุณชวนเพื่อนไปด้วยกันแต่เพื่อนไปไม่ได้ แต่ในฐานะคนที่ไม่โสดแล้วเนี่ย คุณก็ยังมีใครบางคนที่คุณสามารถชวนได้เสมอ
เป็นตัวเลือกที่ยังไงก็ปลอดภัยสำหรับคุณ เวลาที่คนอื่นเซย์โนกับคุณแบบนี้แต่ถ้าหากเขาคนนั้นของคุณ ยังทำให้คุณต้องคิดหนักที่จะชวนกันไปไหนมาไหนอีกล่ะก็…… จะให้ไปชวนใครต่ออีกล่ะ?
8. คุณต้องคอยแก้ตัวแทนเขา ให้พ่อแม่ หรือเพื่อนๆ ฟัง
เพื่อนๆ และ ครอบครัวของคุณมักมีคำถามเกี่ยวกับเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นคนรัก หรือไม่เอาใจคุณ ไม่มีการปรนิบัติใดๆ ที่ปกติจะทำกัน
แล้วคุณเองนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายแก้ต่างให้เขา ให้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ก็อย ากจะบอกว่าถ้าหากเขารักคุณจริงล่ะก็ เขาคงไม่ทำอะไรที่ทำให้ครอบครัว กับเพื่อนของคุณต้องสงสัยกันแบบนี้หรอก
9. คุณพย าย ามที่จะทำให้เขามีส่วนร่วมในชีวิตคุณมากขึ้น แต่เขาไม่พย าย ามอะไรเลย
ไม่ว่าครอบครัวคุณกับเพื่อนของคุณ จะมองผู้ชายของคุณว่าเป็นยังไงก็ตาม แต่คุณก็ยังพย าย ามที่จะทำให้เขาเข้ากับครอบครัวและเพื่อนๆ ได้ แต่ในทางกลับกัน เขากลับไม่พย าย ามที่จะทำอะไรให้ดีขึ้นเลยสักนิดเดียว
แถมนอกจากจะไม่สนใจแล้ว เขายังไม่ได้มีทีท่าว่าจะอย ากรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับคุณให้มากขึ้นแล้วยังเก็บเรื่องส่วนตัวของตัวเองไม่ให้คุณรู้อีกต่างหาก พูดง่ายๆ ว่าไม่ว่าคุณจะพย าย าม
ทำอะไรเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ก็ตาม แต่มันก็ดูเหมือนว่าระหว่างคุณสองคนไม่มีอะไรเชื่อมต่อกันเอาซะเลยสาวๆ คนไหน ที่เจอหนุ่มๆ เข้าข่ายนี้เกิน 50 % แล้วล่ะก็ ต้องลองพิจารณาดูดีๆ กันเลยนะคะ ว่าเราเป็นฝ่ายรักเขาแค่ข้างเดียวรึเปล่า
จะได้ไม่เสียเวลาที่เราทุ่มทุน ทุ่มเท ไปเพียงแค่ฝ่ายเดียว โดยที่เขาไม่ได้มีอุดมการณ์ร่วมกันกับเราเลยสักนิดเดียว จะได้ไม่กลายเป็นความรักที่เหนื่อยและสุดท้ายแล้วเราไม่ได้อะไรเลย