
Q: ผมเพึ่งเข้ารับงานใหม่ ในตำแหน่งหัวหน้าระดับต้น ต้องคุมลูกน้อง 2-3 คนแต่ปัญหาคือ ลูกน้องไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ เพราะเหมือนผมเข้ามาแทน ตำแหน่ง ที่เขาหมายตาไว้อายุผมกับลูกน้องไม่ได้ต่างกันมาก เขาก็ไม่ค่อยเกรงใจเวลามีปัญหาเกิดขึ้น
มักจะเข้าหาหัวหน้าที่ ตำแหน่งสูงกว่าผมแทน ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าผมคุมลูกน้องไม่ได้ ผมควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ดีครับ
A: ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสาเหตุที่แท้จริง คือ ลูกน้องไม่ยอมรับหัวหน้าในฐานะหัวหน้า
1. เมื่อเข้าไปคุมทีม ใหม่ๆ อย่า “กร่าง” (โอ้อวด มีอัตตา) มากเกินไปจนคนอื่นๆ ห มั่ น ใ ส้ในขณะเดียวกันก็อย่า “หงอ” (กลัว ดูไม่มั่นใจ) มากเกินไปจนคนอื่นๆ ขาดความมั่นใจ วางตัวธรรมดาอย่าอวดความเก่งมากเกินไป แต่ก็อย่าถ่อมตัวจนเกินไป เดินทางสายกลาง
2. เมื่อเริ่มต้นคุมทีม จงทำให้ลูกทีม รู้สึกว่า “ตั้งแต่หัวหน้าเข้ามา ชีวิตพวกผมง่ายขึ้น”โดยการมองหาโอกาส ที่จะช่วยเหลือสนับสนุน หรือแก้ปัญหาที่คาราคาซังมานาน
ให้กับพวกเขาไม่ใช่เข้ามาปุ๊บก็เริ่มจัดระเบียบ กำหนดขั้นตอนการทำงานใหม่ อย่างรัดกุมเพิ่มปริมาณของรายงานเพื่อให้แน่ใจ ว่าหัวหน้ารับรู้สถานการณ์ทุกอย่าง
และสามารถควบคุม (Control) ทีมงานได้อย่างอยู่หมัดเพราะหากทำแบบนี้ตั้งแต่วันแรกๆ ลูกทีมจะรู้สึกว่า “ตั้งแต่หัวหน้าเข้ามา ชีวิตพวกผมเหนื่อยขึ้นหนักขึ้นเป็นเท่าทวี” เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมจึงมีการต่อต้าน
3. ลูกน้องที่ทำงานมานานกว่า ย่อมมีข้อสงสัยว่าเหตุใด คนที่มีอายุเท่ากันประสบการณ์เท่ากันแต่ทำงานในองค์กรมาน้อยกว่าจึงขึ้นมาเป็นหัวหน้าเขาได้น้อยคนที่จะมองในแง่ดี หลายคนตั้งป้อมแล้วว่า
“นายเก่งมาจากไหน” จากนั้นพิธีการ “ลองของ” ก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นเพื่อทดสอบฝีมือของหัวหน้าใหม่ดังนั้น หากคุณมี ดีต้องเอาออกมาอวดบ้างผมพูดกับหัวหน้าใหม่ ที่มาจากภายนอกองค์กรเสมอๆ ว่า
“คุณต้องรู้จักปล่อยของบ้างถ้ามีของที่จะปล่อย” หัวหน้าหลายคนที่มาใหม่จากภายนอกองค์กร “อมภูมิ”มากเกินไปจนลูกน้องหรือคนที่ทำงานด้วย
ชักเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่า “มีภูมิ” จริงหรือเปล่าในทางกลับกันก็ต้องหาจุดพอดีให้เจอ มี ดีต้องอวดแต่ถ้าอวดมากเกินไปกลับกลายเป็น “อวดดี” ก็ทำให้เสียได้อีก
4. ต้อง “ได้ใจ” ก่อน “ได้งาน” เมื่อเข้าไปใหม่ๆ อย่างน้อยในช่วง 1-2 เดือนแรกอย่าเพิ่งเน้นเรื่องงาน จงใช้เวลาส่วนใหญ่ พูดคุย รับฟัง และซื้อใจลูกน้องให้ได้ก่อน
สำหรับคนไทยเรื่องนี้สำคัญมาก เชื่อผมว่าคุณไม่มีทางได้งานหรือถ้าได้ก็ไม่ยั่งยืน หากคุณไม่ได้ใจดังนั้น ใช้เวลากับคนให้มากๆ ในระยะแรกๆ เมื่อตอบโจทย์เรื่องคนได้แล้วเดี๋ยวคนเหล่านั้นจะช่วยคุณตอบโจทย์เรื่องงานเอง
5. คุยกับหัวหน้าของคุณบ่อยๆ ในสถานการณ์อย่างนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้ดีกว่าหัวหน้าโดยตรงของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอยู่ที่นี่มานานเขาย่อมมีบารมีแก่กล้าสามารถกำราบลูกน้องของคุณได้แน่ๆ
นอกจากนั้นการพูดคุยกับหัวหน้าบ่อยๆ จะทำให้คุณรู้จักและเข้าใจสไตล์การทำงานของหัวหน้าต่อไปคิด ทำหรือตัดสินใจอะไรจะได้ไปในทิศทาง เดียวกัน ไม่ขัดแย้งกันซึ่งหากเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ลูกน้องจะเริ่มเกรงใจเพราะไม่ว่าคุณพูดอะไร นายใหญ่ก็เห็นเหมือนคุณทุกอย่าง
6. จงให้ “เกียรติ” แต่อย่าให้ “อภิสิทธิ์” คำสองคำนี้ คนไทยแยกไม่ค่อยออกเราใช้กันมั่วปะปนไปหมด ตัวอย่างเช่น หากเรายืนต่อคิวซื้ ออาห ารกลางวันอยู่เจ้านายเดินมาเราอนุญาตให้ท่านแทรกแถวข้างหน้าเราเพราะคิดว่านั่น เป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่
แต่หลายคนอาจรู้สึกว่าอันที่จริงเป็นการ ให้อภิสิทธิ์มากกว่า “เกียรติกับอภิสิทธิ”แยกกันยากเอาเป็นว่าในการทำงาน ให้เกียรติคืออย่าเรียกเขามาหาให้เดินไปหาเขาอย่าว่าเขาต่อหน้าคนอื่นให้ตำหนิเป็นการส่วนตัว อย่าสั่งงานเขา ต่อหน้าคนอื่น ให้สั่งเป็นการส่วนตัว เป็นต้น
แต่ต้องไม่ให้อภิสิทธิคือกฎกติกาที่บังคับใช้ ต้องใช้กับทุกคน ไม่ควรเข้มงวดกับลูกน้องที่เด็กๆแต่ปล่อยปะละเลย ไม่พูดไม่เตือนสำหรับลูกน้องที่มีอาวุโสสูงกว่า เป็นต้น
ผมคิดว่าหากทำ 6 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ สัก 2-3 เดือนแรกของการทำงานสถานการณ์น่าจะดีขึ้นอย่างไร ก็ตาม ในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ และเห็นพ้องกับคุณทั้งหมด เอาเป็นว่า 6 เดือนแรก
ถ้าได้ใจลูกน้องสักครึ่งและได้ใจ “หัวโจก” บางคน ก็ถือว่าใช้ได้แล้วหลังจากนั้นปล่อย ให้เวลาค่อยๆ ช่วยแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นขอเพียงแต่คุณยังคงทำอย่างที่ผมแนะนำ ข้างต้นอย่างสม่ำเสมอต่อไป
ที่มา : m g r o n l i n e