
นานทีปีหนจะได้มารวมญาติพบปะ เจอหน้ากันทั้งที แทนที่ลูกหลานจะได้สนุกสนาน
และสบายใจที่ได้มาเจอญาติพี่น้อง กลายเป็นว่าต้องมาอารมณ์เสียหงุดหงิดใจ
จากคำถามบางคำถามที่ไม่ควรออกมาจากปากของญาติผู้ใหญ่ และพาลทำให้เด็ก ๆ หลายคนไม่ชอบงานรวมญาติ
ไม่อยากมาพบเจอ เพราะไม่อยากเสียความรู้สึกแบบนี้ล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่
ตรุษจีนสงกรานต์ งานแต่ง งานบวช คำถามยอดฮิตที่ญาติผู้ใหญ่มักจะถามหลาน ๆ
ก็ไม่ค่อยจะพ้น 2 หัวข้อใหญ่ ๆ คือคำถามเกี่ยวกับหน้าที่การงานและครอบครัว
ส่วนอีกประเด็น ที่ผู้ใหญ่มักจะถามบ่อย ๆนั่นก็คือเรื่องรูปลักษณ์และรูปร่างภายนอก
ยังไม่นับเรื่องที่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นเรื่องการเอาคนนู้นไปเปรียบกับคนนี้ ซึ่งหัว
ข้อคำถามหรือคำพูดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้เราดูดีในสายตาลูกหลานเลยค่ะ
ดังนั้นวันนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อถึงวันรวมญาติ เราควรจะพูดอย่างไรกับลูกหลานดี
คำถามแบบไหนที่ควรเลี่ยง และคำถามแบบไหนที่ถามได้ คนฟังได้ยินแล้วไม่ลำบากใจที่จะตอบค่ะ
5 คำถาม ไม่ควรถามลูกหลาน
1. เงินเดือนเท่าไหร่
เงินเดือน เงินเดือนเท่าไหร่ คำถามที่ไม่ควรถามลูกหลาน คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูกคำ
พูดที่ไม่ดีสำหรับเด็ก วันรวมญาติเงินเดือนเท่าไหร่? ทำไมเงินเดือนน้อยจัง? เงินเดือน
คนนู้นมากกว่าอีก … คำถามเรื่องเกี่ยวกับเงินเดือนถือเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ๆ ค่ะ
ในบางครั้ง แม้แต่คนในครอบครัวด้วยกันเองยังไม่รู้เรื่องเงินเดือนของกันและกันเลย
หากเราถามคำถามเหล่านี้กับลูกหลานก็อาจจะกลายเป็นการละลาบละล้วง
เรื่องส่วนตัวไปได้และทำให้ผู้ฟังรู้สึกอึดอัดใจได้ค่ะ
แทนที่จะถามว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เปลี่ยนไปถามว่าทำงานอะไร งานที่ทำเกี่ยวกับอะไร แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
2. จะแต่งงานเมื่อไหร่?
มีแฟนหรือยัง? ทำไมยังไม่มีแฟน? จะแต่งงานเมื่อไหร่? แฟนทำงานอะไร?
ถึงแม้จะดูว่าคำถามนั้นค่อนข้างเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็สร้างความอึดอัดใจให้กับผู้ฟังได้อยู่ดีและเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ
ไม่จำเป็นจะต้องไปคาดคั้นว่าลูกหลานของเราเมื่อไหร่ จะมีแฟนเมื่อไหร่จะแต่งงาน
เพราะถ้าเขาพร้อมเปิดตัวเมื่อไหร่ เดี๋ยวเค้าก็พาคนของเขามาแนะนำเอง
3. อ้วนขึ้นหรือเปล่า
คำถามที่ไม่ควรถามลูกหลาน คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก คำพูดที่ไม่ดีสำหรับเด็ก
วันรวมญาติ อ้วนขึ้น ดำขึ้นอ้วนขึ้นหรือเปล่า? ดำขึ้นหรือเปล่า? ไปทำอะไรมาทำไม
ดูแก่ มีผมหงอกด้วย !! บางทีเราก็ทักไปด้วยความเป็นห่วงและความจริงใจ
หรือบางทีก็ทักไปแบบติดตลก แต่อย่าลืมว่าคนฟังอาจจะไม่ได้ตลกไปด้วยเพราะเรา
กำลังวิจารณ์ลักษณะรูปร่างของเขาอยู่อย่าลืมว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว
คนที่อ้วนหรือผอมอาจจะไม่ได้อยากมีรูปร่างแบบนั้น
หรือคนที่มีผิวขาวหรือดำก็อาจจะมาจากสาเหตุบางอย่างก็ได้ คำถามเหล่านี้ไม่ได้
สร้างความสบายใจให้กับผู้ฟังเลย แม้แต่น้อยและไม่ได้สร้างบรรยากาศที่ดีในการสนทนาแต่อย่างใดค่ะ
4. เทอมนี้ได้เกรดอะไร
เรียนได้เกรดอะไร? ได้ 4 กี่ตัว? คนนั้นเรียนเก่งกว่าอีกสำหรับใคร ที่มีลูกหลานวัยเรียน
คำถามนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตค่ะ จริง ๆ คำถามนี้ก็ไม่ได้ดูว่าจะ ร้ า ย แ ร ง
อะไรหากลูกหลานที่ถูกถามเป็นเด็กที่เรียนได้เกรดดีหรือมีอะไรให้อวด
แต่สำหรับเด็ก ๆ ที่เรียนไม่ดีเหมือนคนอื่นคำถามนี้ก็ทำให้พวกเขาลำบากใจได้ค่ะ
เด็กอาจจะรู้สึกว่านี่คือการย้ำปมด้อยหรืออาจจะรู้สึกรำคาญ เพราะถ้าตอบว่าได้เกรด
ไม่ดีนักก็อาจจะมีญาติผู้ใหญ่บางท่านตำหนิหรือเอาคนนู้นคนนี้มาเปรียบเทียบได้
5. อวดลูกตัวเอง
คำถามที่ไม่ควรถามลูกหลาน คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก คำพูดที่ไม่ดีสำหรับเด็ก
วันรวมญาติถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูกหลานของเรา มีชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่
การงาน ครอบครัวหรือแม้แต่เกรดเฉลี่ยของคนในครอบครัว และไม่แปลกที่เราอยากจะพูดถึงค่ะ
แต่เรื่องที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอึดอัดใจนั่นก็คือการเอาลูกหลานของตัวเองไปเปรียบเทียบ
กับลูกหลานของคนอื่น เช่นหลานของป้าสอบได้ที่หนึ่งตลอดเลย แกก็ขยันหน่อยนะจะ
ได้เรียนเก่งเหมือนกัน,ลูกของฉันได้เงินเดือนเป็นแสน บอกลูกเธอให้มาทำงานที่เดียวกันสิ
ให้ลูกฉันฝากให้บอกเลยว่าถ้าได้ฟังคนอื่นมาพูดแบบนี้ใส่ คงไม่มีลูกหลานคนไหน
อยากอยู่ใกล้ ๆ แน่ค่ะคำถามหรือคำพูดที่ดีในการพูดคุยกับลูกหลานคือคำถามกว้างๆ หรือคำทักทายกลางๆ ทั่วไป
เช่น ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้ทำอะไรบ้าง? คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่ผู้ฟัง
สามารถหยิบยกเอาเรื่องใดก็ได้มาสนทนา ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้เลือกว่าเรื่องไหนที่อยากจะ แ บ่ ง ปั น
และเรื่องไหนที่อยากจะเก็บไว้เป็นส่วนตัว ซึ่งนอกจากการตั้งคำถามกว้าง ๆ
แล้วเราก็ควรจะสังเกตพฤติกรรมของผู้ตอบคำถามด้วย หากเขาตอบสั้น ๆ และดูท่าทางอึดอัด
เราก็อาจจะเปลี่ยนคำถามไปเป็นช่วงนี้พ่อแม่เป็นอย่างไรบ้าง? หรืออาจจะชวนคุย
เรื่องอื่นเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสของวัยรุ่น เช่น แอปพลิเคชั่นที่กำลังเป็นที่นิยม
เกมส์ที่เล่นหนังหรือละครที่กำลังดู โดยอาจจะถามในลักษณะว่ามันคืออะไร เ นื้ อ
เรื่องสนุกไหม แบบนี้ก็จะทำให้ผู้ฟังอยากตอบอยากคุยกับเรามากขึ้นค่ะ